[กรณีศึกษา] คิดก่อนโพสต์ซักนิด ชีวิตปลอดดราม่า

ช่วงนี้ดราม่าในสังคมออนไลน์บ้านเราเกิดขึ้นบ่อยจนจ่าพิชิตเขียนแทบไม่ทัน เคสก่อนก็เป็น #วงโย ที่เรื่องทั้งหมดทั้งมวลก็เกิดจาก Twitter เคสนี้ก็เป็นอีกเคสนึงที่น่าสนใจเหมือนกันฮับ เมื่อวานใครก็ตามที่อ่าน Pantip คงจะเจอกระทู้เรื่อง [CR]~ ขโมยเสื้อชูชีพลงจากเครื่องบิน สามารถแจ้งความได้ไหมคะ ~ สรุปย่อๆ คือ เด็กสาวคนหนึ่งที่มีคนบอกว่าเป็นเน็ตไอดอลถ่ายรูปคู่กับเสื้อชูชีพของเครื่องบินการบินไทยแล้วอัพลง Instagram พร้อมคำอธิบายว่า

ทุกคนที่ขึ้นเครื่องบินก็คงจะทราบกันดีว่า เจ้าเสื้อชูชีพนี้จะอยู่ใต้ที่นั่งของท่าน จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น หลายความเห็นใน Pantip ก็บอกว่า แค่คิดจะหยิบออกมาเล่นยังทำไม่ได้เลย ภายหลังทางเจ้าของภาพก็ได้ลบภาพออกจาก Instagram เรียบร้อยพร้อมออกมาขอโทษขอโพยไปตามระเบียบ แล้วก็ลบภาพขอโทษออกไปเรียบร้อยเช่นกัน

และเมื่อเรื่องถึง Pantip มีหรือที่นักสืบพันทิปจะไม่ทำงาน ตอนนี้ก็ทำการสืบเรื่องนี้พร้อมลงความเห็นกันไปเรียบร้อยเป็นเสียงเดียวกัน รวมถึงทางการบินไทยก็ได้ออกแถลงการณ์ต่อเรื่องนี้ผ่านทางแฟนเพจเรียบร้อยเช่นกัน ยังไงก็อ่านไปตามอ่านในกระทู้ต่อกันได้นะฮับ

ทีนี้เรื่องทั้งหมดทั้งมวลจะไม่ยืดยาวขนาดนี้ถ้าไม่เกิดคอมเมนท์แบบนี้ขึ้น

จากหลายๆ ดราม่าที่เกี่ยวกับเรื่องการกระทำผิดแล้วโพสต์ลงสังคมออนไลน์หลายเรื่องๆ สังเกตกันบ้างมั้ยฮับว่าเรื่องจะบานปลายเพียงแค่การทำผิดแล้วไม่ออกมายอมรับผิดที่ตัวเองได้กระทำไว้ หนำซ้ำยังโพสต์ด่าคนอื่นกลับแบบไม่แคร์ว่าฉันผิด สุดท้ายพอแถต่อหรือด่าไม่ได้ก็ออกมาขอโทษหรือออกมาโกหกว่า ไม่ได้ทำจริงๆ นะ จบนะ ซึ่งเรื่องพวกนี้มันไม่จบกันง่ายๆ หรอกนะฮะ (~~ยกเว้นว่าคนเลิกสนใจแล้วก็ลืมไปเอง~~) มันเลยกลายเป็นสูตรสำเร็จของดราม่าในสังคมออนไลน์นี่แหละ ทางที่ดีการออกมายอมรับผิดต่อเรื่องที่ตัวเองกระทำไม่ใช่เรื่องน่าอายเท่าไหร่ ยิ่งคุณแถไปเรื่อยจนสีข้างถลอก สังคมออนไลน์จะกระทำสิ่งต่อมานั่นคือ ‘คุ้ยยันซอกหลืบ’ อย่างเคสนี้ก็โดนเรียบร้อย นักสืบพันทิปเล่นไปคุ้ยมาหมดตั้งแต่โรงเรียน หาเฟสบุ๊คของสาวคนนี้(ในพันทิปเรียกเปิดวาร์ป) รวมไปถึงการตามไปดู Social Network อื่นๆ ว่าเล่นอะไรบ้าง เพื่อจะตามไปสืบให้หมดว่าคนๆ นี้เป็นอย่างไร ไปตอบโต้คนอื่นว่าอย่างไรบ้าง จากนั้นจะเกิดเหตุ ‘รุมสกรัม’ เป็นสิ่งต่อมา เมื่อรู้ว่ามีเฟสบุ๊คอยู่ตรงไหน หรือมี Social Network อะไรบ้าง ทุกคนก็จะรุมกันเข้าไปคอมเมนท์กันต่างๆ นานากันอย่างสนุกสนาน

ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไหร่ จะมีผลกระทบที่ตามมาไม่มากก็น้อย อย่างเช่นมีคนไปพบอีกว่าผู้ชายที่เป็นคนรู้จักของสาวคนนี้อัดวิดีโอลง Instagram ที่ว่าด้วยการเอาถังดับเพลิงของห้างๆ หนึ่งมาต่อยเครื่องเล่น Dragon Punch (เป็นเครื่องเล่นในห้างที่เอาไว้วัดแรงต่อยว่าเราต่อยได้แรงขนาดไหน)

ก็คำถามเดิมๆ ครับ ถังดับเพลิงเอามาจากไหน ? เพราะถ้ามาจากห้าง ถังดับเพลิงจะถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัย สามารถนำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉินไฟไหม้จริงๆ คำถามที่สอง เหมาะสมแล้วหรือไม่ที่เล่นเครื่องเล่นผิดวิธี อันนี้ก็ต้องให้ว่ากันไปตามผิดถูกเหมือนเดิม

ยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกคน และก็เล่น Social Network กันมากมายขนาดนี้ การโพสต์อะไรก็ตามที่คุณคิดว่าทำแล้วเท่ ทำแล้วเจ๋งแต่ทำแล้วมันไม่เหมาะสมต่อสังคมรวมถึงความปลอดภัยต่อสาธารณะ อยากให้คิดและพิจารณากันสักนิดนึงนะฮับว่าควรแล้วหรือ จริงๆ ถ้าไม่ทำเลยก็จะดีกว่า เพราะว่าถึงคุณไม่แชร์ลงเอง มือถือหรือกล้องของคนอื่นก็จับจ้องพฤติกรรมที่ไม่สมควรของคุณอยู่เช่นกัน และตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ตอนนี้เกิดดราม่าในสังคมออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้น นั่นเป็นเพราะการ ‘แคปหน้าจอ’ นั่นเอง เรียกว่าคุณเองก็สามารถสร้างดราม่าขึ้นมาเองได้ง่ายๆ เพียงแค่แคปหน้าจอแล้วแปะลง Social Network เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ความเห็นมากมายแบบถล่มถลาย ง่ายมากเลยหละซาร่า เพราะถึงคุณเป็นเจ้าของโพสท์แล้วจะลบมันไปจนถึงดาต้าเบสแค่ไหน มันก็ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นรูปภาพในเครื่องของคนอื่นที่คอยหลอกหลอนคุณอยู่ทุกๆ วันแน่นอน (เหมือนกับภาพทั้งหมดในบทความนี้นี่แหละ ) ส่วนน้องๆ วัยรุ่นที่คิดว่าการอัพภาพหรือวิดีโอที่มีการกระทำไม่เหมาะสม รวมถึงข้อความที่เต็มไปด้วยคำหยาบและไม่สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่ลง Social Network ก็อยากให้คิดก่อนโพสท์ซักนิดว่าสมควรแล้วหรือยัง อย่าเอาไลค์บังตา เอาคอมเมนท์ทำให้ตัวลอยมากจนเกินไป มันได้ไม่คุ้มเสียเลย นอกจากจะโดนคนในสังคมออนไลน์รุมกระหน่ำแล้ว น้องอาจจะโดนคนนอกสังคมออนไลน์เล่นงานได้เหมือนกัน วันดีคืนดีอาจจะเห็นภาพหรือสเตตัสที่ตัวเองกระทำไม่สมควรไปโผล่ในรายการลุงสรยุทธหรือโผล่อยู่ในหนังสือหน้าหนึ่งเหมือนหลายๆ ข่าวที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ ก็ เป็น ได้…~