เมื่อวันที่ 29 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสหนึ่งในต่างประเทศที่มีความเห็นต่องานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Facebook ที่ปล่อยเมื่้อปี 2012 ว่าด้วยประเด็นที่ว่า “สิ่งที่เราเห็นใน Social Network นั้นมีผลกระทบทางอารมณ์ของเราหรือไม่” (ดูงานวิจัยได้ที่นี่) โดยได้ทดลองในกลุ่มผู้ใช้ 689,003 คน วิธีการทดลองก็คือ เลือกโพสต์ให้เห็นใน News Feed ด้วยโทนอารมณ์ที่ต่างๆ กัน และดูปฏิกริยาของผู้ถูกทดลอง ซึ่งผลก็คือ คนที่เข้าไปเห็น News Feed ของตัวเองมีแต่เรื่องร้ายๆ ลบๆ ก็ทำให้ตัวเองรู้สึกนอยด์และโพสต์อะไรลบๆ ตาม ในขณะเดียวกัน ถ้าคนที่ News Feed ของตัวเองมีแต่เรื่องดีๆ บวกๆ ก็มีแนวโน้มที่จะโพสต์อะไรดีๆ ตามไปด้วย
งานวิจัยนี้ถูกสื่อวิจารณ์หนักมาก ว่าเป็นสิ่งที่ Facebook สมควรทำหรือไม่? ถึงแม้จะบอกว่า เมื่อแรกสมัครเนี่ย ผู้ใช้ทุกคนกดยินยอมแล้วว่า เรายอมให้เค้าเอาข้อมูลเราไปใช้ทดลองอะไรแบบนี้ได้ก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเพราะถ้าอยู่มาวันดีคืนดี Facebook จะครองโลก จะใช้จิตวิทยาหมู่แบบนี้กับพวกเราก็ได้น่ะสิ? ถึงแม้นักวิจัยของ Facebook จะออกมาบอกแล้วว่า ที่ออกมาทำวิจัยแบบนี้เพราะต้องการจะตรวจสอบ ถ้าเกิดระบบอัลกอริทึมของ Facebook ดันสุ่มให้คนเจอแต่เรื่องแย่ๆ ทำให้เค้าไม่อยากมาใช้ Facebook เราจะได้ทำการแก้ไขอะไรแบบนี้ไง เราไม่ได้อยากให้ใครรู้สึกไม่ดีจริงๆ น้ะ ก็ว่ากันไป
เรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ Facebook ถูกจับตามอง โดยล่าสุด COO ของ Facebook ก็ต้องออกมาพูดแล้วว่า ขออภัยกับงานวิจัยชิ้นนี้ และไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครรู้สึกไม่ดีจริงๆ
ก็เป็นเรื่องที่รับรู้ไว้ก็ดีนะฮับ เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ เออ แนวโน้มในอนาคต Facebook อาจจะแอบปรับ News Feed เราก็ได้ หรือจริงๆ ก็อาจจะมีเจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Facebook แอบทำอะไรแบบนี้กับเรารึเปล่า (ช่างไม่น่าวางใจเอาเสียเลย) ก็เอาเป็นว่าใช้เทคโนโลยีกันอย่างมีสติ อย่าจมไปกับมันมากอะไรแบบนี้แล้วกัน ฮ่า
ที่มา – The Next Web, WSJ
