All PostFacebookFacebook Pages

Durex กับบทเรียนเรื่องโพสต์เรื่องเซ็กซ์แบบผิดๆ คิดจนตัวตาย

เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เพจ Durex Thailand ที่เป็นเพจถุงยาง และมักจะมี pic post ทำนองว่า กี่เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงจะ ตื๊ดๆๆๆ (เรื่องเพศสัมพันธ์) วันนี้ก็โพสต์รูปในประเด็นที่ว่า “28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน สุดท้ายก็ยอม”

10671296_10152850134699180_6088928910819983572_n

จะเห็นว่าคอมเมนต์ในภาพก็มีคนออกมาต่อว่าต่างๆ นานา จน Durex ก็ต้องออกมาลบข้อความดังกล่าว และบอกว่าที่ลบเพราะไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อความดังกล่าว

“เนื่องจากเกิดประเด็นความเข้าใจผิดจากข้อความที่ทางเพจได้โพสต์ขึ้นไป ทาง Durex Thailand ต้องขออภัยในความผิดพลาดเป็นอย่างสูง ทางเราขออนุญาตลบโพสต์ดังกล่าวออกไป เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อความดังกล่าวเพิ่มมากยิ่งขึ้น และทางเราจะระมัดระวังในการให้ข้อมูล การเลือกใช้คำในการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่อีกครั้ง”

เรามาดูความเห็นของคนอื่นที่มีต่อประเด็นนี้บ้าง

ยัง ยังไม่พอ มีสื่ออังกฤษอย่าง Mirror นำไปตีข่าว โดยที่ในข่าวระบุว่า Durex Thailand ออกมาขอโทษและโบ้ยให้เป็นเรื่องของการใช้คำที่ผิดและผู้อ่านตีความผิดๆ ไปเอง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้หมายความว่า “ขัดขืน” ลงท้ายด้วยการข่มขืนซะหน่อย และข่าวนี้ยังเอาประเด็นของการเสียชีวิตของฝรั่งที่ถูกฆ่าข่มขืนในไทยหมาดๆ มาโยงกับเรื่องนี้ด้วย

23-9-2557 10-09-26

เมื่อกระแสตีกลับขนาดนี้ (วิกฤตหนักขนาดที่ไม่ว่าดูเร็กซ์จะโพสต์อะไร ก็มีคนไปตามด่า เอาลิงก์ข่าว Mirror ไปแปะหน้าเพจ โพสต์หน้าเพจด่าทอ จน Durex ก็หยุดการโพสต์รูปอื่นๆ ทุกอย่าง และมีคำขอโทษออกมาอีกสามครั้ง

ยังไม่พอ เว็บ Forbes ก็ได้มีการเขียนถึงประเด็นนี้เช่นกัน (ขอยกคำแปลมาจากเพจ เชื่อแมวเหอะ(รู้ไหมว่าตัวเองโดนหลอก)) ตามนี้

“Forbes บอกว่าทีม Global PR ของ Durexไม่ได้รับการติดต่อการทีมงานเมืองไทยว่ามีเรื่อง จนมารู้จากทีมข่าวของ Forbes เอง
จากนั้นทีม PR ก็ตำหนิโพสต์เจ้าปัญหาดังกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า

ไฮไลท์ของข่าวนี้ คือคำให้สัมภาษณ์ของ ทีมงานบริษัท Virgo Health ซึ่งทำ Global PR ของ Durex
1. เจ้าหน้าที่ Virgo health PR บอกว่าไม่ได้รับข่าวจากทีมเมืองไทย จนมารู้อีกครั้งก็จากทีมข่าวของ Forbes แล้ว ซึ่งการทำงานของทีมไทยไม่เป็นไปมาตรฐานของบริษัท
2. บริษัทไม่อยากจะอธิบายเรื่อง ตัวเลข 28% อีกต่อไป เนื่องจากข้อมูลถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมอย่างมาก
3. เนื้อหาของโพสน่ารังเกียจและไม่เหมาะสม
4. บริษัทเสียใจเป็นอย่างมาก และไม่ได้ต้องการให้เกิดความไม่เหมาะสมหรือความล่อแหลมใด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในแผนการตลาด
5. โพสดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท
6. บริษัท Durex Global ขอแสดงความรับผิดชอบของเนื้อหาที่โพสในเพจของประเทศไทย ยืนยันว่าโพสดังกล่าวไม่สมควรจะถูกโพสตั้งแต่แรก
และบริษัทจะไม่ยอมให้มีการโพสในลักษณะนี้อีก
7. Durex ยืนยันว่าบริษัทให้เกียรติผู้หญิงทุกคน และการตลาดของบริษัทจะเป็นเรื่องของเซ็กส์ที่ปลอดภัยและเต็มใจเท่านั้น
….. ชัดเจน …..”

23-9-2557 10-19-35

คุณหมอโกมาตร ที่เคยยื่นถาม Durex ประเทศไทยว่า ตัวเลข 28% ที่ว่า เอามาจากไหน ก็พบกับคำชี้แจงของ Durex คุณหมอจึงให้ความเห็นตามนี้

“วันนี้ได้รับจดหมายชี้แจงจากดูเร็กซ์ ประเทศไทย สรุปใจความว่า
1. บริษัทเสียใจและขออภัย “ต่อเหตุการณ์” ดังกล่าว
2. ข้อความที่โฆษณา “ไม่ได้สะท้อน” ถึงนโยบายของบริษัท
3. บริษัทส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพืนฐานของ “การให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

ที่ไม่ได้ตอบมาก็คือ ข้อมูล “28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอม” นั้นได้มาจากไหน
ทำให้สงสัยว่า ในหลายปีที่ผ่านมา สถิติที่ดูเร็กซ์ใช้เพื่อสร้างทัศนคติทางเพศให้กับสังคมไทย มีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร เช่น

ปี 2554 “ดูเร็กซ์” เผย… ชายไทยนอกใจแฟน อันดับ 1 ของโลก
ปี 2555 “ดูเร็กซ์” ชี้ “สาวไทย” นอกใจคนรักติดอันดับโลก
หรือ “ดูเร็กซ์” เผย ชายไทยมีคู่รัก 12 คน ในขณะที่ชายออสเตรียมี 29 คน
รัสเซีย 28 คนและบราซิล 27 คน

ข้อมูลเหล่านี้มีที่มาที่ถูกต้องทางวิชาการหรือเป็นเพียงตัวเลขที่ป้้นแต่งขึ้นให้สังคมเห็นว่า การนอกใจคู่รักของชายหญิงไทยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา หรือชายไทยยังสำส่อนน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

ส่วนเรื่องนโยบายการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันนั้น หากผู้บริหารดูเร็กซ ประเทศไทยจะได้เข้าไปดูเพจในเฟซบุ๊คของบริษัทบ้างก็จะเห็นว่า พื้นที่เพจดูเร็กซ์ ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่สำหรับผู้คนเข้าไปแสดงความหื่น ใช้วาจาลวนลามล่วงละเมิดความเป็นผู้หญิง โดยแอดมินของเพจก็ไม่เพียงไม่ลบความเห็นเหล่านั้น แต่ยังโพสต์เนื้อหาที่เชิญชวนและส่งเสริมให้มองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงเรื่องนโยบายอย่างสิ้นเชิง

ผมไม่ได้สนใจว่าดูเร็กซ์จะมาเข้าพบหรือชี้แจงอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ดูเร็กซ์ ประเทศไทยควรทำคือ
1. ขอโทษต่อสาธารณะและต่อผู้หญิงทุกคน
2. ชี้แจงที่มาของตัวเลขที่นำมาใช้ในการสร้างทัศนคติที่ส่งเสริมการล่วงละเมิดทางเพศ
3. แถลงให้สังคมไทยมั่นใจถึง “มาตรการ” ที่เป็นรูปธรรมที่จะป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำอีก

โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์”

ดราม่านี้ก็น่าจะจบแล้ว ก็รอดูว่า Durex Thailand จากนี้จะเป็นอย่างไร ส่วนตัวขอสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นตามนี้

  1. ถ้าหากมองแบบโลกสวย คำว่า 28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน สุดท้ายก็จะยอม เข้าใจได้ว่า ในบางกรณีที่คู่รักก่อนจะอาเซเดเฮกัน ผู้หญิงอาจจะอิดเอื้อนพอเป็นพิธี ไม่เอาน่ะเตง วันนี้เค้าไม่พร้อม แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปตามครรลอง คือถ้าใช้ copy ที่มันอยู่ในบริบทแบบนี้ อาจจะไม่เป็นอะไร
  2. แต่พอใช้คำว่า “ขัดขืน” ซึ่งคำว่าขัดขืนมันไม่ใช่การอิดเอื้อน อิดออด มันคือการไม่ยินยอมพร้อมใจ ซึ่งมันแปลได้สถานเดียวเลยว่าถ้าการขัดขืนจบด้วยที่ผู้ชายได้อาเซเดเฮสำเร็จ ยังไงมันก็คือการข่มขืนนั่นเอง

    23-9-2557 10-25-27

  3. การแก้ปัญหาของเพจ Durex จริงๆ ก็มีการขอโทษเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติขึ้นตามปกติ (ซึ่งอะ โพสต์แรกอาจจะร่างคำไม่ถูก คือค่อนข้างโยนภาระมาให้คนตีความว่าตีความผิดไปเอง) แต่หลังจากนั้นก็มีการขอโทษอีกซ้ำๆ ซึ่งก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่พอได้แหละนะ แต่น่าสนใจตรงที่ยังอิมแพ็กไม่พอที่จะทำให้คนให้อภัยกับโพสต์ดังกล่าว
  4. แต่ก็ต้องชมที่ Durex ไม่ลบโพสต์, ไม่ปิดซ่อนไม่ให้ผู้ใช้มาโพสต์ในหน้า Timeline
  5. โดยปกติ Faceblog จะเก็บเคสแบรนด์เกิดภาวะวิกฤตบน Social Network เป็นเนืองๆ (เฉพาะเคสที่น่าสนใจ) เราพบว่า ตั้งแต่เก็บเคสมา เคสนี้น่าจะอาการหนักสุดคือ
    • โพสต์รูป
    • คนรุมด่า (จนตอนนี้ก็ยังด่าอยู่)
    • มีดราม่า
    • จ่าดราม่าเอาไปเขียน
    • เฟมินิสต์, หมอ, เพจวิชาการ รุมด่า
    • สื่อนอกเอาไปตีข่าว
    • บริษัทแม่ไม่พอใจมาก

ก็ต้องมาดูกันว่าจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปแจ้ :h_umbrella:

SHARE :
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Bluemoon
the authorBluemoon
I come from B612 star, nerd, greedy, moody, lazy, Facebook Development, social Networking. almost Blog in Thai but English OK. ^^