ช่วงที่ผ่านมา วันเสาร์ กลายเป็นวันสุดคึกคักในโลก Social Network ไทย เพราะมีรายการโทรทัศน์ที่เป็นกระแสอย่างมากถึงสองรายการ รายการแรกคือซีรี่ส์วัยรุ่นที่ทำกระแสมาต่อเนื่อง และนี่เป็นซีซั่นสุดท้ายคือ Hormones The Series ส่วนอีกรายการเป็นเรียลลิตี้ประกวดค้นหานางแบบ The Face Thailand
สิ่งที่น่าสนใจจนอยากนำมาเล่าก็คือการเล่นกับ Social Network ของรายการ The Face Thailand ที่วิธีลูกเล่นนั้น ดูเหนือกว่ากรณีศึกษาที่เราเคยพูดถึง ทั้งซีรี่ส์ Hormones ที่เขียนถึงตั้งแต่ซีซั่นแรก และรายการประกวดร้องเพลงอย่าง The Voice
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือการสร้างจอที่สอง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของรายการโทรทัศน์ทั่วโลก ที่จะดึงคนดูให้ผูกพันกับรายการมากที่สุด
The Face Thailand – เพราะงานนี้ต้องสตรอง สตรอง!
The Face Thailand ออกอากาศทางช่อง 3 เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้แนวค้นหานางแบบ นักแสดงหญิงหน้าใหม่ ออกอากาศเป็นปีที่สอง ผลิตรายการโดยกันตนา
จุดเด่นของรายการนี้คือการแข่งเกมแบบสู้กันเรื่องความสวยความงาม ขณะเดียวกันก็เป็นเกมสงครามจิตวิทยาระหว่างเมนเทอร์ซึ่งเป็นดาราชื่อดัง นำโดยลูกเกด เมทินี ที่มาพร้อมวาจาเชือดเฉือนกันตลอด และดราม่าแบบล้นๆ จนหลายคนคิดว่าเป็นการเตี๊ยม แต่เรื่องนี้ก็สุดแท้แต่กันไป
The Face Thailand มีสื่อ Social Network หลายช่องทางได้แก่ Facebook: The Face Thailand, Twitter @thefacethailand, Instagram @thefacethailand ส่วนช่องใน YouTube ครั้งนี้เปลี่ยนไปใช้ช่องรวมกับ Kantana Group จากเดิมในซีซั่นแรกที่แยกช่องออกมา
Instagram ดูเป็นช่องทางที่เหมาะดีกับรายการแนว The Face เพราะนอกเหนือจากการใช้ภาพจากในรายการ แปะด้วยแคปชั่นโดนๆ รายการยังสามารถนำผลงานในแต่ละตอนของการแข่งขันมาแชร์ให้คนดูได้รับชมเพิ่มด้วย เช่นสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นแคมเปญถ่ายภาพคู่กับรถยนต์ เป็นเรื่องสวยๆ งามๆ สไตล์ IG
รูปภาพที่โพสต์โดย The Face Thailand Season 2 (@thefacethailand) เมื่อ
ถึงแม้จะนำเสนอผลงานแบบสวยๆ แต่ในภาคของการเชือดเฉือนคารม ที่เป็นจุดขายของรายการ Social Network ของรายการก็ไม่พลาด เลือกประโยคในรายการโดนๆ มาใส่ตามสูตรสำเร็จของการบริหาร Social Network รายการทีวีปัจจุบัน แต่ที่เหนือกว่าคือคำบรรยายใต้ภาพหรือแคปชั่นนั้น เป็นแบบที่เรียกว่าเชื้อเชิญให้คนดูมาลุยกันต่อนอกจอ อันนี้เลือกตัวอย่างบางอันมา (แนะนำให้ตามไปอ่านคอมเมนต์ต่อ มันส์มาก)
#TeamBee ขอชิ่งเลยแล้วกันค่ะ ไม่เกี่ยว ไม่คอมเม้น ใครจะทะเลาะกันก็ตามแต่ บายยยยย #TheFaceThailand
Posted by The Face Thailand on Saturday, November 14, 2015
ถึงขั้นต้องพึ่งดวงเลยหรอคะ ? หูยยยยย ทำทุกทางจริงๆ รอบหน้าแนะนำให้ทำก่อนแข่งด้วยนะคะ จะได้ชนะเนาะ#TheFaceThailand
Posted by The Face Thailand on Saturday, November 7, 2015
ถึงรายการ #TheFaceThailand จะดูแรง ดูอินเตอร์ แต่เราก็มีสอนมารยาทไทยเสมอนะคะ วีคนี้นำเสนอโดย จีน่า #TeamLukkade
Posted by The Face Thailand on Saturday, November 28, 2015
พี่จีน่าอายุ 23 เตือนน้องลิลลี่อายุ 13 (ห่างกันเบาๆ เกือบรอบ) ลดเบอร์ลงนิดนึงค่ะคุณลูกกกก #TheFaceThailand
Posted by The Face Thailand on Saturday, November 14, 2015
เมื่อแอดมินก็ Concentrate!
เบื่อไหม Social Network ทางการที่มีแอดมินสื่อสารแบบทางเดียว ลองได้ติดตาม The Face Thailand นี่คงไม่เบื่อแน่ เพราะแอดมินทีมนี้ขยันขันแข็งมาก (เมื่อเทียบกับหลายๆ รายการ) แน่นอนว่าการสื่อสารแบบมีบทสนทนาต่อเนื่อง ก็คงไม่พ้นช่องทาง Twitter ซึ่งแอดมิน The Face ก็ช่างเจรจาแถมให้ความบันเทิงมาก มาดูตัวอย่างสิ รออะไร
เมื่อ กวาง ทีมคริส เพิ่งหัดเล่น Twitter และมีแฟนคลับมาปกป้อง แอดมินก็ทันควันมาก
@dmeishappy_ @gwangoamsinn เอาไปเลยค่ะ pic.twitter.com/laQGYA91oK
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 29, 2015
หลังจากมีแฟนคลับพยายามทายผลต่างๆ นานา ในตอนถัดไป
สายมโน สายจินตนาการ ทั้งหลาย พี่ลูกเกดฝากบอกว่า…. #ดีดนิ้ว #TeamLukkade #TheFaceThailand pic.twitter.com/op1XasZt84
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 21, 2015
อันนี้โมเดลแอดมินเพจ KFC เลย พอมีคนถามว่า เห็นแอดมินเขียนจิกทุกทีม เลยอยากรู้ว่าแอดมินทีมไหน
@tangnaka ทีมงานค่ะ
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 9, 2015
เมื่อคนดูจับได้ว่ารายการขึ้นตัวหนังสือบนจอผิด ผลลัพธ์แซ่บมาก
@Noey_Jiagot ทีมงานที่พิมพ์ผิดโดนไล่ออกแล้วค่ะ ขอบคุณที่แจ้ง
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 21, 2015
ปกติรายการ-ละครอื่น เขาสวยๆ ภาพประกอบแคปชั่น เต็มที่ก็รีทวีตคนที่ชื่นชม แต่ไม่ใช่กับเดอะเฟซ เพราะบางทีแอดมินก็จุดพลุเองแบบนี้เลย เช่นกรณีประเด็นคนดูไปรุมถล่ม IG ของเมนเทอร์บางท่าน
จน EP.7 แล้วยังมีคนไปตามด่าดาราใน IG กันอีกหรอคะ ? ติดอยู่ลำสาลีกันอยู่ได้ไม่ถึงพัฒนาการเลย เฮ้อ #TheFaceThailand #TheFaceThailandseason2
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 28, 2015
แถมยังสรรหา GIF ฮาๆ มาให้ดู
วันนี้พี่เกดโมโห พี่เกดต้องข่มอารมณ์ ฮึ่มๆๆๆ#TheFaceThailand #TheFaceThailandseason2 pic.twitter.com/30pNJswUEJ
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 21, 2015
ส่วนอันนี้เข้าขั้น #โหดสัส เพราะรายการมีทวงสัญญากันออกอากาศเลย (แต่ต่อมา คนเขียนเขาบอกว่าถูกแกล้งนะ)
ตามหาคนหายค่ะ สัญญาอะไรเอาไว้ ทำด้วยนะคะ #TheFaceThailand #TheFaceThailandseason2 pic.twitter.com/7bZDUB8wRh
— The Face Men Thailand 3 (@TheFaceThailand) November 21, 2015
Social Media คือเครื่องมือตอบโต้สองทาง
จะเห็นว่า The Face Thailand มีลูกเล่นการใช้ Social Media สื่อสารกับคนดูได้น่าสนใจ มีการโต้ตอบกันตลอดเวลาแบบขยันขันแข็ง เล่นกับเนื้อหาของรายการแบบที่เรียกว่าล้อเลียนหรือสร้าง meme เองเลย ไม่ได้เน้นเท่ๆ สวยเก๋ตลอดเวลา รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้คนดูได้ถกเถียงกันตลอด นอกจากนี้รายการยังใช้รูปแบบที่นิยมทำให้กัน เช่น เมนเทอร์และผู้แข่งขันก็ล้วนใช้ Social Network ตัวเองช่วยโปรโมตรายการ ซึ่งกรณีของ The Face นั้นอาจจะเหนือไปอีก เพราะ IG ที่คนรอส่องกันมากที่สุดคือ IG ของเจ้าของรายการอย่างคุณเต้ ปิยะรัฐ (@tae_kantana) ที่ชอบแง้มภาพบรรยากาศจากกองถ่ายตอนหน้าๆ มาให้ดูกัน
จุดที่ยังเป็นเครื่องหมายของคำถามของรายการโทรทัศน์ไทยก็คือจะเอาอย่างไรกับ YouTube กรณีของ The Face Thailand นั้นเลือกที่จะปล่อยคลิปรายการย้อนหลังแบบทันทีเลยหลังจากรายการจบ (เหมือน The Voice Thailand) ซึ่งเป็นสูตรที่ทำให้ซีรี่ส์ฮอร์โมนโด่งดังมากในซีซั่นแรก และสร้างปัญหาต่อมาเพราะซีรี่ส์เลือกปล่อยบนแพลตฟอร์มอื่นก่อน YouTube กรณี The Face Thailand เมื่อเลือกใช้ YouTube แบบทันที ก็มีส่วนช่วยให้รายการเป็นกระแสต่อได้เร็วนั่นเอง
อย่างไรก็ตามปัญหาของ The Face Thailand ที่ใหญ่มากและดูรายการยังแก้ไขไม่ได้ ก็คือการใช้ hashtag ซึ่งมีทั้งสองแบบคือ #TheFaceThailand และ #TheFaceThailandSeason2 ผลคือในทวิตเตอร์ แอคเคาท์ต้องเสียเนื้อที่โดยใช่เหตุไป แตกต่างจากซีรี่ส์ฮอร์โมนที่คุมจนเหลือแท็กเดียวได้
ส่วนผสมที่ลงตัวทั้งการตีโจทย์รูปแบบรายการที่ชัดเจน ว่าต้องการให้คนดูตอบโต้กันเองตลอด เลือกชิ้นคอนเทนต์ที่ดีมาเล่น และแอดมินขยันเล่นกับผู้ชม จึงทำให้กลยุทธ์ Social Media ของรายการนี้ดูน่าสนใจไปอีกขั้นหนึ่งนั่นเอง จะเห็นว่า Social Media ไม่ควรเป็นแค่เครื่องช่วย PR รายการแบบเล่นๆ แต่ต้องเป็นช่องทางสื่อสารที่พร้อมโต้ตอบกับคนดูอย่างแข็งขัน มันถึงจะสตรองจริงๆ