Facebook รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 (ตุลาคม-ธันวาคม) ซึ่งออกมาเติบโตในทุกส่วนอีกเช่นเคย ส่งผลให้ราคาหุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ผู้บริหารยังให้มุมมองที่น่าสนใจหลายอย่าง มาดูรายละเอียดกันว่า Facebook มองอนาคตอย่างไรต่อไป
เหมือนเช่นเคย เราเริ่มต้นด้วยตัวเลขรายได้-กำไรก่อน
- รายได้รวม 8,629 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
- รายได้จากโฆษณาบนมือถือ คิดเป็น 84% ของรายได้โฆษณา เทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 80%
- กำไรสุทธิ 3,568 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 128%
- Facebook มีเงินสดและรายการเทียบเท่า 29,450 ล้านดอลลาร์
คราวนี้มาดูจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งยังรักษาอัตราการเติบโตไว้อย่างดี
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs – Daily active users) 1,227 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวันผ่านมือถือ อยู่ที่ 1,146 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs – Monthly active users) อยู่ที่ 1,860 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% … ใกล้ 2 พันล้านแล้ว!
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ อยู่ที่ 1,740 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 1,149 ล้านคน
- Instagram มีผู้ใช้งาน 600 ล้านคน, WhatsApp 1.2 พันล้านคน และ Messenger 1 พันล้านคน
วิดีโอคือเทรนด์ใหญ่
เนื้อหาสำคัญตอนหนึ่งในช่วงแถลงผลประกอบการ ซีอีโอ Mark Zuckerberg ระบุว่า Facebook จะลงทุนในด้านวิดีโอให้มากขึ้นอีกในปีนี้ เขากล่าวว่า “VDO คือ Mega Trend”
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มวิดีโอ ก็จะมีหลักๆ สองแนวทางคือคลิปสั้น (YouTube) หรือเป็นศูนย์รวมรายการโทรทัศน์ (Netflix) ซึ่ง Mark บอกว่าในตอนนี้ Facebook จะให้ความสำคัญกับคลิปขนาดสั้นก่อน และผลักดันให้ผู้ใช้งานแชร์และชมวิดีโอแนวนี้
ซีเอฟโอ David Wehner เสริมว่า คลิปสั้นจะช่วยให้ ecosystem วิดีโอของ Facebook แข็งแกร่งมากขึ้น โดยในตอนนี้ Facebook ได้เพิ่มแถบ VDO ไว้ด้านล่างแล้วในแอพ (ตอนนี้มีเฉพาะในอเมริกา) ซึ่งทำให้เห็นภาพของแพลตฟอร์มวิดีโอโดดเด่นขึ้น และในขั้นถัดไป Facebook ก็สามารถหารายได้จากโฆษณาที่แทรกในคลิปได้นั่นเอง
อัพเดต Facebook กับธุรกิจ
ซีโอโอ Sheryl Sandberg อัพเดตเรื่องแผนรายได้จากธุรกิจและลูกค้าองค์กร โดยบอกว่าตอนนี้มีธุรกิจกว่า 65 ล้านรายที่มี Facebook Pages และในนั้นมี 5 ล้านรายที่สมัครบัญชี Instagram Business
นั่นคือจำนวนบัญชี แต่พอเป็นธุรกิจที่มีการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์ม มีอยู่ 4 ล้านรายที่ลงโฆษณาบน Facebook และมี 5 แสนรายบน Instagram ซึ่ง Sandberg ชี้ว่าส่วนต่างทั้งสองแพลตฟอร์มนั้นมีอยู่ค่อนข้างมาก (พูดง่ายๆ คนที่ยังไม่ซื้อโฆษณามีอยู่เยอะ และนั่นคือโอกาส)
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
- ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อัตราการใช้ Facebook Live สูงขึ้นเป็นสถิติใหม่
- จะมีเครื่องมือสำหรับการตกแต่งวิดีโอเพิ่มมาให้ใช้ในอนาคต
- Instagram Stories มีผู้ใช้งาน 150 ล้านคนต่อวัน
- มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนที่ส่งข้อความเสียง-วิดีโอผ่าน Messenger
- มีข้อความส่งหากันใน WhatsApp มากกว่า 5 หมื่นล้านครั้งต่อวัน
แนวโน้มการเติบโตของ Facebook นั้นยังคงน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ซีเอฟโอ David Wehner ยังคงย้ำว่าปริมาณโฆษณาบน Facebook นั้นใกล้เต็มแล้ว และการเติบโตของรายได้โฆษณาในปี 2017 นี้ ก็น่าจะไม่สูงเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา
ที่มา: Facebook, Social Media Today และ TechCrunch