Facebook รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงการเติบโตต่อไปทั้งตัวเลขจำนวนผู้ใช้งาน และรายได้โฆษณา (ฮา)
เริ่มต้นด้วยตัวเลขเงินๆ ทองๆ Facebook มีรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา 3,851 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,518 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 86%
- รายได้จากโฆษณาอยู่ที่ 3,590 ล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 53% และหากไม่คิดความผันผวนของเงินตราต่างประเทศจะเติบโตถึง 58%
- รายได้จากโฆษณาที่อยู่บนมือถือคิดเป็น 69% ของรายได้โฆษณารวม
- รายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ 257 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7%
มาดูตัวเลขผู้ใช้งานซึ่งยังคงเติบโตต่อไปในทุกมิติ
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs – Daily active users) 890 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวันผ่านมือถือ อยู่ที่ 745 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs – Monthly active users) อยู่ที่ 1,393 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ อยู่ที่ 1,189 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 526 ล้านคน
ข้อมูลอื่นที่น่าสนใจจากช่วงถาม-ตอบกับนักวิเคราะห์มีดังนี้
- ปีที่ผ่านมา Facebook มีพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 45% เป็น 9,200 คน เป็นปีของการเติบโต
- Facebook มีการแชร์ภาพถ่ายมากกว่า 2 พันล้านรูปต่อวัน ปัจจุบันคอนเทนต์ที่คนใช้ Facebook นิยมแชร์กันคือภาพถ่ายไม่ใช่ตัวหนังสือ
- Instagram มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 300 ล้านคน และ 70% มาจากนอกอเมริกา
- Facebook Messenger มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 500 ล้านคน ส่วน WhatsApp อยู่ที่ 700 ล้านคน
- จำนวนการดูวิดีโอบน Facebook อยู่ที่ 3 พันล้านวิวต่อวัน
- ยังไม่มีแผนการหาเงินจากโฆษณาบนเสิร์ช
- เป้าหมาย Facebook ปีนี้คือทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคอนเทนต์ที่สวยงาม มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น (อ่านเพิ่ม: ในยุคที่วิดีโอกำลังมาแรง ผู้สร้างคอนเทนต์จะต้องปรับตัวอย่างไร)
มีคำถามหนึ่งจากนักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า โครงการ Internet.org ที่ทำให้ผู้คนในประเทศห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นั้นมีประโยชน์อย่างไรกับผู้ถือหุ้น Facebook เรื่องนี้ซีอีโอ Mark Zuckerberg บอกว่าก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นผู้ถือหุ้นแบบที่ Facebook ต้องการหรือไม่ เพราะเป้าหมายหลักของ Facebook คือการทำอย่างไรก็ได้ให้คนทั้งโลกเชื่อมต่อหากันได้ ไม่ใช่เรื่องของการมุ่งเน้นหาเงินอย่างเดียว
ที่มา: Facebook และ Business Insider