เดี๋ยวนี้การทำร้านค้าบน Social Network (โดยเฉพาะเปิดหน้าร้านผ่าน Facebook Page) เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะง่าย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้รวดเร็วกว่าทำเว็บไซต์เอง บางทั่นเพิ่งเป็นแม่ค้าหัดใหม่ มาเริ่มเปิดร้านออนไลน์ผ่าน Facebook เป็นที่แรก ก็อาจจะไม่เข้าใจถึงความคิดของลูกค้าที่มาซื้อของ (สินค้าชั้นก็เหมือนกับร้าน B แต่ทำไมลูกค้าไม่ซื้อร้านชั้นล่ะเนี่ย!!) วันนี้เลยมี Infographic มาให้ดูกันฮับ ว่าศาสตร์แห่งการทำร้านค้าออนไลน์เนี่ย จะต้องอาศัยจิตวิทยาอะไรดึงดูดใจ (และเงิน) ของคุณลูกค้ากันบ้าง
ต้นฉบับ Infographic นี้ มี 6 ข้อของการทำ Social Commerce ให้เกิดผลสูงสุด แต่ตัดตอนเอามาในส่วนที่เข้าใจเท่านั้นนะฮิ
![6-12-2554 17-56-58](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-56-58.png)
มีรีวิวจากลูกค้าอื่นๆ
เค้าว่ากันว่า 77% ของผู้ที่ชอบซื้อของออนไลน์เนี่ย จะอ่านรีวิวจากผู้ใช้อื่นๆ ก่อนทำการซื้อสินค้าในร้านนั้นๆ
รีวิวที่ว่าก็่เช่น ได้รับของแล้ว รวดเร็วทันใจมาก สินค้าที่ได้รับมีคุณภาพดี มีการแพคหีบห่อให้อย่างทะนุถนอม บลาๆ ไรงี้
![6-12-2554 17-57-29](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-57-29.png)
มีสินค้าหายาก, มีโปรโมชั่นในบางช่วงเวลา
ลูกค้าหลายๆ คนก็ชอบความท้าทาย เพราะงั้นก็ลองจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายบ้าง เช่น เอาสินค้ามาลดพิเศษ!! ให้จองพิเศษ!! เฉพาะวันนี้เวลานี้เท่านั้น!! รับรองคนมาจองกันอุ่นหนาฝาคั่งแน่ๆ
![6-12-2554 17-57-59](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-57-59.png)
มีเนื้อหาอื่นๆ ให้กด Like บ้าง
ไม่ใช่ว่าเป็นร้านค้าก็จะลงแต่สินค้าอย่างเดียว ถ้าคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า อาจจะหาฮาวทูแต่งตัวยังไงให้ดูดีมาลงบ้าง ถ้าคุณเปิดร้านขายกระเป๋า นาฬิกา ก็อาจจะลงวิธีดูแลรักษานาฬิกาดังกล่าวบ้าง ถ้ามี content อื่นๆ ที่ทำให้คนกด Like มากเท่าไหร่ โอกาสที่ Page หน้าร้านของเราจะถูกคนอื่นเห็นก็มีมากขึ้นเท่านั้นนะจ๊ะ
![6-12-2554 17-58-27](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-58-27.png)
เชื่อถือได้
ร้านไหนมีความน่าเชื่อถือ ก็จะยิ่งมีคนไว้ใจที่จะซื้อของมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อถือที่มาจากการรีวิวของลูกค้าเอง หรือสร้างความน่าเชื่อถือด้วยวิธีอื่นๆ เช่น โชว์เลยว่า Admin ของ Page นี้ เป็นบุคคลมีตัวตนจริงๆ ไม่ชิ่งเอาเงินเข้ากลีบเมฆแน่ๆ ก็ตามที
เชื่อว่าลูกค้าหลายๆ คน ยอมซื้อของร้าน B ที่แพงกว่าร้าน A แต่เชื่อถือได้ว่าซื้อแล้วได้ของดี ไม่มีโกง แน่ๆ อะไรงี้ฮับ
![6-12-2554 17-58-46](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-58-46.png)
ทั้งนี้ ขอเสริมบางข้อในการทำ Facebook Shop ของเราให้ดูเชื่อถือได้และน่าจับจ่ายใช้สอย (สำหรับคุณลูกค้า) ตามนี้ฮับ
![TipsforPages](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/TipsforPages.jpg)
มี Information บอกชัดเจน ว่าเป็นร้านขายอะไร, มีหน้าร้านจริงๆ ไหม ถ้าไม่มี มีเว็บไซต์ไหม
ลง Contact Information ให้ครบถ้วน (เบอร์โทรศัพท์, อีเมล) พร้อมระบุวันเวลาที่สามารถติดต่อได้
ลงเวลาตอบกลับไว้เลยว่า ถ้าโทรมาแล้วแม่ค้าไม่รับ แม่ค้าจะโทรกลับเองนะจ๊ะ หรือถ้าส่งเมลมา รอเมลตอบกลับไม่เกินครึ่งวัน อะไรก็ว่าไป
มีลิงก์ไปยังหน้าสินค้า, วิธีสั่งซื้อสินค้า + โอนเงินสินค้า ให้ชัดเจน (ไม่จำเป็นต้องทำ Facebook App Tab แต่ให้มีลิงก์ไปยังหน้า Photo ในส่วนของ Info นี่แหละ)
![6-12-2554 17-43-43](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-43-43.png)
ในหน้า Photos
สินค้า ให้เขียนชื่ออัลบั้มให้ชัดเจนว่า สินค้านี้มีขายเฉพาะเดือนนี้, สินค้าลอตที่ xxx, สินค้าพรีออเดอร์ประจำเดือน, สินค้าพร้อมส่ง ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
ในกรณีที่สินค้าอัลบั้มนั้นหมดไปแล้ว อาจจะลบอัลบั้มนั้นทิ้ง หรือแก้ชื่ออัลบั้มเป็น Sold Out พร้อมใส่รูปภาพ Thumbnail แบบในภาพ
![6-12-2554 17-29-07](https://faceblog.in.th/wordpress/wp-content/uploads/2011/12/6-12-2554-17-29-07.png)
ในรูปภาพสินค้า ใส่ข้อความให้ชัดเจนว่าสินค้านี้ จอง, พรีออเดอร์, หรือพร้อมส่ง (พร้อมส่งมีกี่ชิ้น) พร้อมบอกขนาดของสินค้า กว้างxยาวxสูง บลาๆ พร้อมลงราคาไว้เลยว่าสินค้านี้ราคาเท่าไหร่
(หมายเหตุ: เห็นบางร้านชอบลงสินค้าแบบไม่บอกราคา ก็จะมีลูกค้าหลายๆ คนมาถามว่าราคาเท่าไหร่ แล้วแม่ค้าก็จะไปบอกใน Inbox ของลูกค้าอีกที คือแม่ค้าอาจจะมีเหตุผลที่ไม่สามารถลงราคาสินค้าได้ แต่ในฐานะของลูกค้า เวลาเห็นร้านค้าที่ทำแบบนี้แล้วรู้สึกระแวงแคลงใจและไม่อยากซื้ออยู่เหมือนกันนะ)
สร้างวิธีการสั่งซื้อสินค้าหรือช่องทางติดต่อสอบถามของลูกค้าให้ชัดเจนไปเลยว่าจะเลือกช่องทางไหน จะถูกใจสินค้าแล้วไปอีเมลสั่งซื้อของ หรือถูกใจสินค้าแล้วกรุณา Add แม่ค้าเพื่อสื่อสารกันใน Inbox ก็ว่ากันไป
กรณีโอนตังค์และส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว ก็อีเมล (หรือส่ง Facebook Message) บอกลูกค้าว่า ส่งของให้แล้วนะจ๊ะ (พร้อมบอกรหัส Track การส่งสินค้าจากไปรษณีย์) แล้วก็หยอดไปว่า ถ้าได้ของแล้วถูกใจไม่ถูกใจยังไง ก็มาคอมเมนต์บอกกันหน่อยใน Facebook Page ไรงี้
คิดว่าถ้าทำได้ตามนี้หมด + แม่ค้ามีอัธยาศัยดีในการตอบคำถามลูกค้าหรือรับมือลูกค้าขี้เหวี่ยง ก็จะทำให้ร้านค้าของคุณบน Facebook ไปได้ด้วยงามทีเดียวจ้ะ แถมลูกค้าสมัยนี้ ใช้ดีเค้าก็ยินดีบอกต่อไปยังญาติมิตรเพื่อนฝูงด้วยนะเอ้อ