เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลายๆ คนอาจจะได้ทราบข่าวเรื่องของเด็กคนนึงที่ทำ Facebook FanPage แล้วเรียก Like จากผู้ใช้มากมาย แต่ละเพจมีคนกด Like มากกว่า 1 แสนคน จากนั้นก็ทำการประกาศขายให้กับคนที่สนใจตั้งแต่ 30000 บาทจนถึง 50000 บาท เวลาต่อมา Facebook ทำการแบนเพจเหล่านั้นทั้งหมด ซึ่งเด็กคนนั้นก็บอกว่า เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะเค้าแค่ดูแลมันไม่ไหวเพราะเพจเยอะเกินไปก็เลยอยากนำไปขาย Faceblog.in.th เลยอยากจะวิเคราะห์ให้กันว่า การขาย Facebook Fanpage เป็นเรื่องผิดหรือไม่ แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงโดนแบนเพจทั้งหมด
ถ้ายังจำกันได้ เราเคยวิเคราะห์เรื่อง [กรณีศึกษา] เปลี่ยนข้อความให้เป็นภาพ = Like ? ออกมา ซึ่งเรายังคงเจตนารมณ์เดิมว่า Fanpage ที่มีชื่อกิ๊กก๊อกๆ แต่มี Like มากมายก่ายกองจะเกิดจากการนำคำคมบ้างละ คลิปบ้างละ มาโพสลง Fanpage ของตัวเอง แล้วเมื่อมีคนมาก็เห็นก็จะกด Like กด Share จนทำให้มียอดมากมาย ซึ่งถามว่าเนื้อหาภายใน Fanpage ของตนเองนั้น เกิดจากการสร้างด้วยตัวเองหรือไม่ คำตอบคือไม่เชิงครับ เพราะรูปแบบหรือการออกแบบพื้นหลัง โอเค อันนี้ยอมรับว่าหลายๆ เพจอาจจะทำเอง แต่ข้อความคำคมทุกอย่าง มันเป็นเรื่องที่วนเวียนกันภายใน Facebook คุณอาจจะเข้าเพจนี้เจอข้อความแบบนี้ แต่พอเข้าไปอีกเพจก็เจอข้อความแบบเดียวกันแต่คนละพื้นหลัง ฉะนั้น มันก็เป็นวัฏจักรของคนขี้ก๊อปวนเวียนกันไปแบบนี้แหละครับ
แล้วการขาย Fanpage เป็นเรื่องผิดหรือไม่?
ไม่ผิดครับ แต่เมื่อไปอ่าน Statement of Rights and Responsibilities ของ Facebook ในหัวข้อที่ 4 หัวข้อย่อยที่ 9 พบว่า
9. You will not transfer your account (including any Page or application you administer) to anyone without first getting our written permission.
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ Ake Osothongs
ถึงถ้าหากแปลเป็นไทยจะได้ว่า “คุณไม่สามารถโอนย้ายบัญชีของคุณ (รวมถึงเพจและแอพฯ ต่างๆ ที่คุณเป็นผู้ดูแลอยู่) ให้กับคนอื่นโดยไม่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากทาง Facebook ก่อน” มันก็เรื่องกลายเป็นเรื่องขัดกันไปโดยปริยาย
ทำไม Fanpage ของเด็กคนนั้นโดนแบนทั้งหมด?
จากการวิเคราะห์คิดว่า พอมันเป็นข่าวขึ้นมา Facebook ก็คงจะทำการตรวจสอบแล้วพอพบว่าเจ้าของเพจต้องการขายให้คนอื่นโดยไม่ผ่านการอนุญาตของตน ก็เลยทำให้เค้าจำเป็นต้องแบนเพจทั้งหมดไปเพราะขัดกับเจ้าข้อตกลงข้างบน ทั้งนี้การอ้างว่า Like ที่ได้ทั้งหมดเป็นของจริงๆ ไม่ได้ใช้อะไรโกง ไม่สามารถเอามาแก้ตัวกับข้อนี้ได้อย่างแน่นอน
ปัจจุบันการขาย Fanpage ก็ยังมีอยู่ทั่วไปนะครับ เพียงแต่ก็ต้องหาแหล่งซื้อขายกันเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ข้อคิดกับคุณคือ การที่คุณกด Like เพียงเพราะชอบในเนื้อหาที่เกิดจากการก๊อปกันไปมา หรือรูปคนพิการ หมาตาย หรือคนเป็นโรคต่างๆ นั่นคือการส่งเสริมให้คนเหล่านี้มีรายได้ขึ้นมาโดยที่เค้าไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องการบอกว่าเรื่องการ Facebook FanPage เป็นเรื่องผิด แต่มันเหมือนเป็นการส่งเสริมให้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่น ต่างประเทศก็มีการซื้อขายเหมือนกัน แต่เค้าจะทำโดยผ่านทาง Facebook เสมอ ฉะนั้น บริษัทหรือหน่วยการตลาดทั้งหลายควรเริ่มต้นการสร้าง Fanpage จากศูนย์และผลิตแต่เนื้อหาภายใน Fanpage ที่น่าสนใจเพื่อเป็นการยืนยันภาพลักษณ์ขององค์กรที่ดี
ของฝากก่อนอ่านจบ
ทวีตถูกใจบทความขอมอบให้กับคุณ @TUTOR_TOM ด้วยทวิตที่ว่า…
การที่เด็กม.6 ก๊อปข้อความคนอื่นมาใส่ในFB page พอคนlikeเยอะ แล้วเอามาขายราคาแพงนี่ คนชื่นชมนี่บ้าป้ะครับ สนับสนุนการโจรกรรมทางปัญญาทำไม โวะ!
— ครูทอม สอนไทย น.ด.บ. (@TUTOR_TOM) July 11, 2013
ไหนๆ ก็เป็นประเด็นร้อนพอดี ขอแปะข่าวนี่หน่อยฮับ
ประกาศขายเพจ พ่นพิษ!! แอดมิน กลุ่ม เด็ก ม. 6 อุบล ถูกลูกหลง เฟซบุ๊กสั่งแบนด้วยเกือบ 100 เพจ เสียหายหลักล้านบาท ยันถูกคนไม่หวังดี ใส่ร้ายป้ายสี เตรียมทำเรื่องชี้แจงขอคืนเพจ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงหัวค่ำวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากนาย “เต้” ที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของ นายณัฐกานต์ (สงวนนามสกุล) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดอุบลราชธานี ที่ถูกเฟซบุ๊ก สั่งแบนเพจ ทั้ง 9 แห่ง ที่ลงประกาศขายในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ และเป็นแอดมิน ดูแลเพจชื่อดังหลายแห่ง อาทิ กระดาษสีครีม , Then And NowThailand, คำคม คำคน , ไอ้หมาน้อย เป็นต้น เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยนาย เต้ ระบุว่า ตนและเพื่อนแอดมินในกลุ่ม กำลังได้รับความเดือนร้อนอย่างหนัก จากการถูกเฟซบุ๊ค สั่งแบนเพจ เพราะเฟซบุ๊ก ไม่ได้แค่แบนแค่เพจ 9 แห่ง ที่ลงประกาศขายไว้เท่านั้น
แต่ยังแบนเพจอื่นที่ ที่ปรากฏชื่อตนและเพื่อน เป็นแอดมินไปด้วย รวมจำนวนเพจที่ถูกสั่งแบนในขณะนี้ มีจำนวนเกือบ 100 เพจ โดยเพจดังที่ถูกแบนครั้งนี้ มีเพจ กระดาษสีครีม , Then And NowThailand, คำคม คำคน , ไอ้หมาน้อย รวมอยู่ด้วย
“ ผมกับเพื่อนกำลังเดือนร้อนมาก เพราะเฟซบุ๊ก ไล่แบนแพจ ที่ปรากฏชื่อผมและเพื่อน เป็นแอดมินไปด้วย เนื่องจากเรามีชื่อเป็นแอดมิน ที่ดูแลเพจทั้ง 9 อัน ที่ถูกแบนไปแล้ว กลายเป็นว่าชื่อเราไปปรากฎอยู่ ในเพจไหน เขาก็ตามไปแบนด้วย”
นาย เต้ กล่าวว่า ตนมีเพจอยู่ประมาณ 50 กว่าเพจ ส่วนน้องกานต์ หรือ นายณัฐกานต์ มีเพจ อยู่ประมาณ 20 เพจ เพื่อนแอดมินคนอื่น มีประมาณ 10 เพจ นอกจากนี้ ยังเพจในส่วนของลูกค้า ที่ตนได้ขายเพจไปให้ก่อนหน้านี้ อีกหลายเพจ ที่ถูกแบนด้วย หากคิดรวมมูลค่าเพจ ทั้งหมด ที่ถูกแบนในครั้ง ยอดเงินไม่น่าจะต่ำกว่า หลักล้านบาท
“ ในช่วงบ่ายวันนี้ ผมได้รับแจ้งจากทางลูกค้า ที่ซื้อเพจของเราไป ซึ่งมียอดไลค์อยู่ที่หลักล้าน ว่า ถูกแบนไปด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก เป็นหลักล้านบาท ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน”
นาย เต้ กล่าวยืนยันว่า สาเหตุที่นำเพจออกมาขาย เป็นเพราะว่า มีเพจจำนวนมาก ดูแลไม่ไหว จึงนำออกมาประกาศขาย ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำเพจขึ้นมาไว้เพื่อขายโดยเฉพาะ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เพจของกลุ่มตน ถูกแบนในครั้งนี้ น่าจะมาจากกลุ่มคนที่ไม่หวังดี แจ้งเรื่องไปที่เฟซบุ๊ก โดยให้เหตุผลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และใส่ร้ายป้ายสี พวกตน จนทำให้เฟซบุ๊ก ต้องมีคำสั่งแบนเพจออกมา
“เรื่องที่ไปบอกว่า พวกเราไปลอกหรือก๊อปปี้เนื้อหาของคนอื่นมาลง เพื่อสร้างยอดไลค์ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเนื้อหาหลัก ที่พวกเรานำมาลงเป็นข้อมูลของเราเอง โดยเฉพาะข้อมูลจากกระดาษสีครีม ซึ่งเป็นเพจของผมเอง”
นาย เต้ ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การทำเพจในกลุ่มของเขาจะมีเพจที่เป็นเซ็นเตอร์อยู่หนึ่งอัน เมื่อผลิตข้อมูลอะไรออกมา ก็จะกระจายส่งต่อไปยังเพจลูกต่างๆ และในการลงข้อมูลก็จะมีการกล่าวอ้างแหล่งที่มาทุกครั้ง ต่างจากเพจบางอัน ที่นำข้อมูลของคนอื่น มาลง โดยไม่ให้เครดิตด้วยซ้ำ
นาย เต้ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับแอดมินในกลุ่ม เตรียมยื่นเรื่องไปยัง เฟซบุ๊ก ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อขอคืนเพจทั้งหมดกลับมา หลังจากในช่วงกลางดึก คืนวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ทันทีที่รู้ข่าวว่าเพจถูกแบน ตนได้แจ้งเรื่องให้เฟซบุ๊กรับทราบไปแล้วครั้งหนึ่ง
ที่มา http://www.isranews.org/%E0%B8…2%E0%B8%A7/item/22326-ban.html