Facebook รายงานผลประกอบการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกของปี 2013 ท่ามกลางคำถามที่นักลงทุนยังคงสงสัย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในตลาดมือถือที่ดูเหมือน Facebook ยังติดขัด และคำถามใหญ่ว่า Facebook เข้าสู่ขาลงแล้วจริงหรือ?
คำตอบ Facebook ที่ออกมาในไตรมาสนี้ดูเหมือนว่า Facebook ยังสบายดีครับ
Facebook มีรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา 1,458 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2012 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 219 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเพียง 7% ซึ่งสาเหตุนั้นเพราะปีนี้ Facebook ได้เพิ่มเงินลงทุนในศูนย์ข้อมูล การวิจัย และพนักงานเพิ่มขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
- 85% ของรายได้รวม มาจากการโฆษณา ซึ่งเติบโตถึง 43%
- 30% ของรายได้จากการโฆษณามาจากโฆษณาบนแพลตฟอร์มือถือ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ตัวเลขผู้ใช้งานที่สงสัยกันนักว่าคนเล่น Facebook ลดลงหรือเปล่าก็ดูเหมือนไม่มีสะเทือน
- ผู้ใช้งานกลุ่มเป็นประจำทุกวัน (DAUs – Daily active users) อยู่ที่ 665 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26%
- ผู้ใช้งานกลุ่มเป็นประจำทุกเดือน (MAUs – Monthly active users) อยู่ที่ 1,110 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ อยู่ที่ 751 ล้านคน เพิ่มขึ้น 54%
- ผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ 189 ล้านคน
ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจจากช่วงแถลงผลประกอบการกับนักวิเคราะห์ดังนี้ครับ
Mobile App Install Ads
การเติบโตของรายได้โฆษณาบนมือถือนั้น ซีอีโอ Mark Zuckerberg บอกว่าเป็นผลมาจากการแพลตฟอร์ม Mobile App Install ที่เมื่อเราคลิกโฆษณาบน News Feed ลิงก์จะส่งไปที่ดาวน์โหลดแอพ รูปแบบนี้แตกต่างจากโฆษณาเดิมๆ บนมือถือ ที่เมื่อคลิกลิงก์แล้วส่งไปยังเนื้อหาบนเว็บ
ปัจจุบันมีนักพัฒนาแอพกว่า 3,800 คนใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งช่วยเพิ่มยอดดาวน์โหลดแอพของตนได้รวมมากกว่า 25 ล้านครั้ง และเมื่อตรวจสอบทั้งบน iOS และ Android ก็พบว่าแอพถึง 40% ในบรรดาแอพยอดนิยม มีการซื้อโฆษณาไว้บน Mobile App Install ของ Facebook นี้
Zuckerberg ยังอธิบายเพิ่มเติมว่าการโฆษณารูปแบบนี้ช่วยให้ Facebook มีสถานะเป็นผู้สร้างระบบนิเวศของตลาดแอพมือถืออีกทางหนึ่งด้วย แอพที่เปิดตัวใหม่และต้องการให้ผู้คนรับรู้อย่างรวดเร็วก็จะเลือกใช้แพลตฟอร์มของ Facebook มากขึ้นเรื่อยๆ
การโฆษณาแบบปรับแต่ง
ซีโอโอ Sheryl Sandberg อธิบายถึงจุดเด่นของโฆษณาบน Facebook ว่า ด้วยแพลตฟอร์ม The Atlas ที่ Facebook ซื้อกิจการเข้ามาเสริมทัพนั้น ช่วยให้ลูกค้าสามารถวัดผลประสิทธิภาพโฆษณาได้ดีมากกว่าการวัดจำนวนคลิก จำนวนไลก์ แต่ยังตามไปวัดผลแบบออฟไลน์ได้ด้วย โดยยกตัวอย่างเบียร์ Bud Light ว่าโฆษณาบน Facebook สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 6 เท่าตัว
Facebook ยังโปรโมตระบบโฆษณาแบบปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียดขึ้น โดยสามารถอ้างอิงทั้งข้อมูลใน Facebook เอง ไปจนถึงข้อมูลจากแอพนักพัฒนาภายนอก ซึ่งมีลูกค้าใช้งานมากขึ้นถึง 20% ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้โฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมายดีมากขึ้น
อนาคตของ Instagram
Zuckerberg บอกว่า Instagram นั้นมีอัตราการเติบโตที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อวัดจากอายุของมันเทียบกับ Facebook ด้วยการเติบโตนี้ทำให้ Facebook ไม่ต้องการให้โฟกัสสิ่งอื่นนอกจากรักษาระดับการเติบโตต่อไปก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง
เขายังเปิดเผยอีกว่ามีแบรนด์ใหญ่หลายตัว ติดต่อมายังทีม Instagram พร้อมเสนอแนะวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มขายสินค้า แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นนั่นเอง
คนใช้ Facebook น้อยลงจริงไหม?
มีการเปิดเผยผลสำรวจออกมามากว่าคนอายุต่ำกว่า 25 ปี ไม่ค่อยเล่น Facebook กันแล้ว ซึ่งซีเอฟโอ David Ebersman ได้อธิบายประเด็นนี้ว่าตัวเลขผู้ใช้งานทั้งในอเมริกาและนอกอเมริกายังคงเพิ่มขึ้น กลุ่มผู้ใช้งานอายุน้อยก็ยังเป็นกลุ่มที่มีความถี่ในการใช้งานมากที่สุด และคนกลุ่มนี้อีกเช่นกันที่ใช้ Instagram มากที่สุด ฉะนั้นหากบอกว่านี่เป็นขาลงก็คงไม่ถูกต้องนัก
Ebersman ให้ความเห็นว่าผลการสำรวจนั้นค้นพบว่ากลุ่มผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 25 ปี สนใจแพลตฟอร์มอื่นมากขึ้น แต่มันไม่ได้หมายความว่าคนกลุ่มนี้จะทิ้ง Facebook หนีออกไปทันที แต่น่าจะเป็นการใช้งานร่วมกันมากขึ้นมากกว่า
พบกันอีกครั้งในรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่สองจ้า
อ้างอิง – Facebook, TechCrunch(1), TechCrunch(2) และ Forbes
